รายละเอียดบริการ
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านศัลยกรรม เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเฉพาะจุด ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ก้น แขน หรือคอ
นอกจากเรื่องความสวยความงามแล้ว การดูดไขมันยังมีประโยชน์ในเชิงสุขภาพอีกด้วย เนื่องจากหลายคนมีน้ำหนักมากขึ้นและมีไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลข้างเคียงของอาการเจ็บป่วย เช่น คนที่เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ก็มีอาการน้ำหนักเพิ่ม ตัวบวมขึ้นได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีข้อจำกัดค่อนข้างมากในการออกกำลังกาย การดูดไขมันจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับพวกเขา
ในปัจจุบัน วิธีดูดไขมันที่นิยมกัน ได้แก่
- การดูดไขมันแบบ Vaser คือการใช้เครื่องมือที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ในการสลายไขมัน ข้อดีคือ สามารถดูดไขมันได้ปริมาณมาก เหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินที่กำจัดยากมาก โดยเฉพาะส่วนหน้าท้อง สะโพก ต้นขา แต่อย่างไรก็ตาม ถึงจะดูดได้มาก แต่ไม่ช่วยกระชับผิวหลังทำเสร็จ ควบคุมพลังงานความร้อนยากกว่า และค่อนข้างเจ็บ
- ดูดไขมันแบบ Body Tite เป็นวิธีที่พัฒนาหลังจาก Vaser การดูดไขมันแบบนี้จะใช้เทคโนโลยีปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency: RF) ออกมา เพื่อช่วยสลายไขมันให้มีโมเลกุลที่เล็กลง ดูดออกมาได้ง่ายขึ้น ไขมันที่ถูกดูดออกมามีเลือดปนน้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ทำให้เกิดแผลเพียงเล็กน้อย พร้อมช่วยกระชับผิวได้ในตัว
ข้อดีคือ ไม่ทำให้ผิวเป็นคลื่น หลังดูดไขมันผิวจะยังคงเรียบเนียน ช่วยลดการเกิดรอยฟกช้ำได้อย่างดี แผลหายเร็ว ไม่บาดเจ็บต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ ไม่รู้สึกเจ็บเท่า Vaser ถึงแม้ปริมาณไขมันที่ดูดจะมีปริมาณน้อยกว่า Vaser แต่สามารถใช้อุปกรณ์ระบบสั่น PAL เข้ามาเสริมเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ ทำให้ดูดไขมันได้ในปริมาณมากตามความต้องการ และช่วยกระชับผิวด้วย
การใช้เทคโนโลยีปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency: RF) หลังการดูดไขมัน
ในผู้รับบริการบางราย เมื่อดูดไขมันไปแล้วอาจทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกดูดไขมันออกไปนั้นไม่เรียบ เหลือเป็นรอยลักษณะเป็นคลื่นอยู่ สาเหตุเกิดจากดูดไขมันในชั้นผิวที่ไม่ลึกมากพอ หรือบางรายผิวอาจแข็ง เนื่องจากเนื้อเยื่อแข็งขึ้น สามารถรักษาได้โดยการใช้เครื่อง RF รักษาร่วมด้วย
Radio frequency: RF คือ เทคโนโลยีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆในรูปแบบของคลื่นวิทยุซึ่งมีความถี่ในช่วงความถี่ 0.3 – 0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์) ซึ่งถือเป็นช่วงความถี่ที่มีความปลอดภัย โดยทำการนวดควบคู่ไปกับการปล่อยพลังงานเข้าสู่ผิวชั้นลึก
ข้อดีของการทำ RF
- ช่วยในเรื่องการกระชับสัดส่วน บริเวณต่างๆ
- ช่วยในเรื่องการหดตัว รัดตัว ของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อชั้นบางๆ ที่อยู่ในผิวหนังทำให้ผิวหนังทั้งหมดกระชับขึ้น
- ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกมาในรูปของเหงื่อ และน้ำเหลือง
- ช่วยเร่งให้เกิดการเผาผลาญของไขมันในร่างกาย
- ช่วยขจัดไขมันและเซลลูไลท์
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคลอลาเจนใหม่ส่งผลให้บริเวณที่ทำ RF ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น
- ช่วยในเรื่องการผ่อนคลาย เพราะเมื่อทำการนวดโดยเครื่อง RF แล้วจะทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิต น้ำเหลือง และของเหลวต่างๆ ทำงานดีขึ้น
- ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงด้วยในบางรายสำหรับผู้ที่ทำการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ
- ระยะเวลาของการดูดไขมัน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูด
- ระยะเวลาเห็นผล โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันจะสามารถกลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่วัน และสามารถกลับมาทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และจะเห็นผลการรักษาได้ 80-90% เมื่อผ่านไป 3 เดือน
- ระยะเวลาของการคงตัว
การดูดไขมันนั้น คือการดูดเซลล์ไขมันที่เกิดขึ้นแล้วออกมาอย่างถาวร แต่ไม่ได้ยับยั้งการสร้างใหม่ของเซลล์จากจุดกำเนิด หากยังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงในปริมาณมากเท่าเดิม โอกาสกลับมาก็จะมีมากขึ้น ซึ่งจะช้าเร็วขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล หากรู้จักควบคุมอาหารออกกำลังกายรูปร่างก็จะดีต่อไปได้อย่างถาวร
- สามารถเลือกกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมตามร่างกายเฉพาะจุดได้
- ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
- สามารถนำไขมันส่วนเกินที่ถูกดูดออกมาแล้ว ไปเพิ่มที่อื่นได้ เพราะ ไขมันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
- ถ้าดูแลตัวเองให้ดีหลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว ผลของการรักษาก็จะอยู่ได้นานมากขึ้น
การดูดไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปร่างและน้ำหนักตัวที่ปกติและต้องการจะมีสัดส่วนที่ดีขึ้นหรือต้องการที่จะมีสัดส่วนในแบบที่ต้องการ และมีบริเวณที่มีการสะสมของไขมันที่กำจัดได้ยากแม้จะมีการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วก็ตาม ซึ่งการดูดไขมันไม่ได้เป็นการรักษาโรคอ้วน
- งดออกกำลังกายหนักๆ 1 เดือน และสวมใส่ชุดกระชับสัดส่วนไว้ตลอดระยะเวลานั้นด้วย
- รับประทานอาหารตามที่แพทย์แนะนำอย่างครบถ้วน
- หลีกเลี่ยงการโดนน้ำหรือความเปียกชื้น จนกว่าแผลจะสมานตัวเรียบร้อย
- เมื่อแผลหายสนิทและอาการคงที่แล้ว ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดไขมันสะสม
- เลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำ หรือควบคุมอาหารที่ให้พลังงานแคลอรีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารมื้อหนัก อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง รวมถึงขนมหวาน
- เลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีแร่ธาตุและไฟเบอร์
รีวิวผลงาน
44CLINIC
บริการอื่นๆของ 44CLINIC
ทุกความสวยสร้างได้ หากโจทก์ของคุณคือการลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสักครั้ง 44CLINIC ของเราคือคำตอบ